เมื่อพูดถึงเต้าหู้ หลายๆคนคงทราบกันเเล้วนะค่ะว่า เต้าหู้เป็นเเหล่งโปรตีนสำคัญที่ไม่ได้จากเนื้อสัตว์เเต่ได้มาจากถั่วเหลือง ซึ่งนับได้ว่าเป็นถั่วที่มีสารสำคัญต่างๆต่อร่างกาย ช่วยป้องกันโรคต่างๆเช่น โรคมะเร็ง โรคลำไส้ เป็นต้น เต้าหู้สามารถนำไปประกอบอาหารได้มากมายหลากหลายชนิด การรับประทานเต้าหู้จึงได้รับทั้งความอร่อยเเละความมีสุขภาพดี
ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้การเลือกรับประทานอาหารเเต่ละชนิดมีความพิถีพิถันกันมากขึ้น โดยคำนึงถึงความสดสะอาด เเละที่สำคัญคือคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากการรับประทานอาหารนั้นเข้าไป หนึ่งในอาหารที่หลายคนสนใจเมื่อต้องการอาหารเพื่อสุขภาพคือเต้าหู้
เเน่นอนเป็นที่ทราบกันอยูเเล้วว่าเต้าหู้นั้นทำมาจากถั่วเหลือง เเน่นอนก่อนที่เราจะรู้จักเต้าหู้อันน่ารับประทานนั้นเราก็ต้องมาทำความรู้จักกับ เจ้าถั่วเหลืองกันก่อนดีกว่า
-ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับถั่งเหลือง
- ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Glycine max (L.) Merr.
- วงศ์ LEGUMINOSAE
- ชื่อท้องถิ่่น
- ภาคกลาง เรียกว่า ถั่วพระเหลือง ถั่วเเระ ถั่วเเม่ตาย ถั่งเหลือง
- ภาคเหนือ เรียกว่า มะถั่วเน่า
- จีนเเต้จิ๋ว เรียกว่า อึ่งตั่วเต่า เฮ็กตั่วเต่า
- อังกฤษ เรียกว่า ซอย บีน
- ญี่ปุ่น เรียกว่า โซยุ
ลักษณะของถั่วเหลือง
ถั่วเหลือองเป็นพืืชล้มลุก ลำต้นเป็นสี่เหลี่่ยม มีขนยาวคลุมอยุ่ทุกส่วนของลำต้น ใบติดกับลำต้นเเบบสลับ มีใบย่อย 3 ใบ รูปร่างคล้ายรูปไข่ปลายเเหลม ใบมีขนทั้งด้านบนเเละด้านล่าง ดอกเป็นดอกเล็ก สีขาวอมม่วง ฝักเเบนยาว มี เมล็ด 2-3 เมล็ด
สารอาหารสำคัญในถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองที่นำบริโภคให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ถั่วเหลืองเมล้ดเเก่จัด เนื่องจากในเมล้ดถั่วเหลืองเเก่จัดจะมีสารอาหารต่างประกอบด้วย
- คาร์โบไฮเดรต 35%
- โปรตีน 50%
- ไขมัน 20%
- ลิโนเลอิก ( Linoleic) 50%
- โอเลอิก (Oleic) 30%
- ลิโนเลนิก (Linolenic) 7%
- ปาล์มมิติก (Palmitic) กับสเตียริก (Stearic) 14% (คำนวณจากน้ำหนักเเห้ง)
คุณค่าทางโภชนาการของถั่วเหลือง
หากพูดถึงถั่วเหลือง หลายๆคน อาจจะนึกถึง"น้ำมันถั่วเหลือง" ที่นิยมนำมาใช้ในกา่รประกอบอาหาร เนื่องจากน้ำมันจากถั่วเหลืองจะมีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ เเต่เป็นเเหล่งที่ดีของกรดไขมันที่จำเป้นได้เเก่ กรดไลโนเลอิก เเละ กรดไลโนเลนิก
เหตุผลที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับไขมันสองชนิดนี้ ก็เนื่องจากว่ากรดไขมันเหล่านี้ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร เเละถ้าหากรับประทานอาหารที่ไม่มีกรดไขมันจำเป็นเลย ก็จะทำให้เกิดอาการโรคขาดไขมันจำเป็น ได้เเก่ ผิวหนังเเห้งเเละตกสเก็ดบาอเเผลหายช้า ถ้าเป็นเด็กการเจริญเติบโตจะหยุดชะงัก มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาเเละการฟัง
ถั่งเหลืองมีโปรตีนสูง จึงเป็นเเหล่งโปรตีนสำหรับบุคคลที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ โปรตีนในถั่วเหลืองจัดเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสุง มีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากสัตว์ ปัจจุบันพบว่าการบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่สูงพอ ร่างกายจะได้รับโปรตีนเพียงพอกับความต้องการได้
ถั่วเหลืองสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง โดยเฉพาะอาหารสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติเเละอาหารเจ โดยนำถั่วเหลืองมาทำเนื้อเทียม นอกจากนี้้ยังนำเมล็ดไปอบ บดเป็นผง ใช้ชงเป็นเครื่องดื่ม นอกจากนี้ฝักสดยังสามรถนำมาต้มได้อีกด้วย
สรรพคุณยาไทยของถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองนอกจากจะนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวเเละหวานเเล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาในการรักษาโรคได้อีกด้วย ดังนี้
- ลดคอเลสเตอรอล ลดระดับน้ำตาลในเลือด เเละเพิ่มฮอร์โมนเเก่สตรีวัยหมดประะจำเดือน โดยการนำถั่วเหลืองมาประกอบอาหารรับประทาน
- รักษาเเผลที่เกิดจากฝีดาษ โดยการใช้ถั่วเหลืองเผาเเล้วบดเป็นผง ผสมน้ำมันหออมทาบริเวณที่เป็นเเผลมีหนอองเรื้อรัง นำถั่วมาเเช่น้ำให้พอง ใช้ตำพอกบริเวณที่เป็น
- เลือดออกง่าย ให้ใช้ใบของถั่วเหลือง 1 กำมือ ใส่ในน้ำพอประมาณ ต้มให้น้ำงวดเล็กน้อย
- งูกัด ให้นำใบสดของต้นถั่วเหลืองมาตำพอก เปลี่ยนยาวันละ 3 ครั้ง หรือใช้ถั่วเหลืองเพาะให้เเตกราก ต้มให้สุกกินจืดๆ วันละ 3 มื้อ กินจนอิ่มติดต่อกัน 3 วัน เป็น 1 รอบของการรักษา ในระหว่างที่กินไม่ต้องกินอาหารอื่น งดเว้นอาหารที่มีน้ำมันมากด้วยหลังจากนั้นวันที่ 4 ให้กินอาหารเป็นปกติ กินอาหารถั่วเหลืองงอกเป็นอาหารเสริม
- ระบบย่อยอาหารไม่ดี ให้ใช้ถั่วเหลือง 500 กรัม ฮ้วยติ้ง 5 กก.โดดยใช้ฮ้วยติ็งต้มเอาน้ำ เเล้วใส่ถั่วเหลืองต้มให้เดือดนาน 20 นาทีเอากากออกระเหยน้ำจนเเห้ง บอเป็นผง ทารกให้กินครั้งละ 0.5-1 กรัม วันละ 4 ครั้ง
มารู้จักเต้าหู้ชนิดต่างๆกันดีกว่า
1.เต้าหู้ชนิดเเข็งสีเหลือง
เต้าหู้ชนิดเเข็งสีเหลืองคือเต้าหู้ขาวชนิดเเข็งที่นำไปต้มในน้ำขมิ้นเต้าหู้เหลืองรสชาติจะออกเค็มจึงมักจะนำไปเป็นเครื่องปรุงของผัดไทยหมี่กรอบ หมี่กะทิ ก๋วยเเตี๋ยวหลอด เต้าหู้ผัดขิง โดยคนจีนมักจะชอบนำไปผัดกับถั่วงอกถ้าเป็นเทศกาลเจก็จะนำเต้าหู้ชนิดนี้ไปประกอบอาหารเเทนเนื้อสัตว
2.เต้าหู้ชนิดเเข็งสีขาว
จะมีลักษณะคล้ายกับเต้าหู้เเข็งสีเหลืองเเต่จะมีสีขาวนวลออกครีมๆ มักทำออกมาเป็นก้อนสี่เหลี่ยม หนาประมาณ 1 เซนติเมตร โดยมากก่อนนำไปประกอบอาหารอื่นๆ จะนำไปหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ เช่น อาหารจำพวกยำ ลาบ เเกง เเละ ผัด เนื่องจากเต้าหู้เเข็งสีขาวมีรสชาติจืด เหมาะกับการนำไปทำพะโล้ ต้มจืดวุ้นเส้น เป็นต้น
3.เต้าหู้ชนิดออ่นสีเหลือง
วิธีการทำต่างจากเต้าหู้ขาวแข็งเพราะใช้แคลเซียมซัลเฟต (ผงยิปซัม หรือที่เรียกในภาษาจีนแต้จิ๋วว่า"เจียะกอ") ในการทำให้โปรตีนในน้ำนมถั่วเหลืองตกตะกอน ซึ่งเนื้อจะเนียนและไม่แข็งเท่าเต้าหู้ขาวแข็ง เมื่อตกตะกอนแล้วนำมาใส่ผ้าขาวบางห่อในบล็อกให้เป็นก้อนแล้วนำไปต้ม ใส่ขมิ้นให้ได้สีเหลือง คุณสมบัติเด่นของเต้าหู้เหลืองนิ่มคือ เมื่อนำไปทอดแล้วจะทำให้ได้เต้าหู้ที่กรอบนอกนุ่มใน เต้าหู้ชนิดนี้เหมาะที่จะนำไปผัดกับกุยช่ายขาว ทอดจิ้มน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน ทอดกินกับน้ำพริกกะปิหรือทอดจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ได้
4.เต้าหู้พวง
เป็นเต้าหู้หั่นเป็นชิ้นแล้วทอด ร้อยเชือกขายเป็นพวงใช้ใส่ในก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟและพะโล้
5.เต้าหู้โมเมน
เป็นการผลิตแบบญี่ปุ่น เต้าหู้ชนิดนี้เนื้อค่อนข้างแข็งแน่น นำไปปรุงเป็นอาหารได้เหมือนเต้าหู้ขาวแข็ง
6.เต้าหู้คินุ
เป็นการผลิตแบบญี่ปุ่นเช่นกัน เนื้อเหมือนเต้าหู้ขาวอ่อนสามารถนำไปประกอบอาหารได้เช่นเดียวกับเต้าหู้ขาวอ่อน
7.เต้าหู้ชนิดซีอิ๊วดำ วิธีทำนำเต้าหู้ชนิดเหลืองแข็งไปเคี่ยวกับซีอิ๊วดำและเครื่องเทศสมุนไพรต่างๆ เพื่อให้เกิดกลิ่นหอมและรสชาติที่แตกต่างโดยใส่น้ำตาลทรายแดงทำให้มีรสชาติที่กลมกล่อมสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าเต้าหู้ชนิดอื่นๆ เพราะมีความชื้นน้อย ถ้าเก็บใส่ช่องฟรีซจะเก็บไว้ได้นานหลายเดือน นิยมนำไปยำกับเกี้ยมไฉ่ ผัดกับดอกกุยช่าย ใส่ในอาหารเจแทนเนื้อหมูในพะโล้เจหรือทานเป็นอาหารว่างก็ได้
8.เต้าหู้หลอด
เป็นเต้าหู้เนื้อนิ่มมีสองชนิดคือ ชนิดที่ทำมาจากถั่วเหลืองล้วนและชนิดที่ทำจากไข่ไก่ (เรียกว่าเต้าหู้ไข่ซึ่งไม่มีส่วนผสมของถั่วเหลืองแต่อย่างใด) นิยมนำมาใส่ในแกงจืด สุกียากี้ ทำเต้าหู้อบ เต้าหู้ตุ๋นหรือนำมาคลุกกับแป้งข้าวโพดแล้วทอด
9.เต้าหู้ชนิดอ่อน
- เต้าหู้ชนิดเหลืองนิ่ม วิธีการทำต่างจากเต้าหู้ขาวแข็งเพราะใช้แคลเซียมซัลเฟต (ผงยิปซัม หรือที่เรียกในภาษาจีนแต้จิ๋วว่า"เจียะกอ") ในการทำให้โปรตีนในน้ำนมถั่วเหลืองตกตะกอน ซึ่งเนื้อจะเนียนและไม่แข็งเท่าเต้าหู้ขาวแข็ง เมื่อตกตะกอนแล้วนำมาใส่ผ้าขาวบางห่อในบล็อกให้เป็นก้อนแล้วนำไปต้ม ใส่ขมิ้นให้ได้สีเหลือง คุณสมบัติเด่นของเต้าหู้เหลืองนิ่มคือ เมื่อนำไปทอดแล้วจะทำให้ได้เต้าหู้ที่กรอบนอกนุ่มใน เต้าหู้ชนิดนี้เหมาะที่จะนำไปผัดกับกุยช่ายขาว ทอดจิ้มน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน ทอดกินกับน้ำพริกกะปิหรือทอดจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ได้
- เต้าหู้ชนิดขาวอ่อน ลักษณะอ่อนนุ่มกว่าเต้าหู้เหลืองนิ่ม กรรมวิธีการผลิตเหมือนกับเต้าหู้เหลืองนิ่มจะต่างกันเพียงเวลาในการทำน้อยกว่า เต้าหู้ชนิดนี้นิยมนำไปทำเป็นแกงจืด เต้าหู้นึ่งหรือสเต๊กเต้าหู้
- เต้าหู้ชนิดห่อผ้า วิธีการทำเหมือนกับเต้าหู้ชนิดขาวอ่อน ต่างกันเพียงการบรรจุหีบห่อที่นำมาห่อผ้าแล้วมัดทำให้แข็งและคงรูปร่างได้ดีมากขึ้นเมื่อนำไปทำอาหาร ส่วนใหญ่จะนำไปทำเต้าหู้ทรงเครื่องหรือแกงจืด
- ทดสอบว่าเต้าหู้ยี่ห้อนั้นใส่สารกันบูดหรือไม่ โดยการนำมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องหนึ่งวันถ้าเสียแสดงว่าไม่ใส่สารกันบูด
- ต้องไม่มีเหงื่อหรือน้ำขุ่นขาวซึมออกมาจากเต้าหู้
- เมื่อดมดูแล้วต้องไม่มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นเปรี้ยว
- สีใกล้เคียงกันทั้งก้อนไม่คล้ำและไม่มีจุดด่างดำ
หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้เกี่ยวกับเต้าหู้กันพอสมควรเเล้วนะค่ะ เเล้วเจอกันเรื่องหน้าจะเป็นอะไรดีน้าาาาา ขอคิดก่อนนะค่ะ บาย