รายการบล็อกของฉัน

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เต้าหู้ อาหารเพื่อสุขภาพ

วันนี้เราจะมาพูดถึงเต้าหู้อาหารเพื่อสุขภาพกันนะค่ะ

เมื่อพูดถึงเต้าหู้ หลายๆคนคงทราบกันเเล้วนะค่ะว่า เต้าหู้เป็นเเหล่งโปรตีนสำคัญที่ไม่ได้จากเนื้อสัตว์เเต่ได้มาจากถั่วเหลือง ซึ่งนับได้ว่าเป็นถั่วที่มีสารสำคัญต่างๆต่อร่างกาย ช่วยป้องกันโรคต่างๆเช่น โรคมะเร็ง โรคลำไส้ เป็นต้น เต้าหู้สามารถนำไปประกอบอาหารได้มากมายหลากหลายชนิด การรับประทานเต้าหู้จึงได้รับทั้งความอร่อยเเละความมีสุขภาพดี

          ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้การเลือกรับประทานอาหารเเต่ละชนิดมีความพิถีพิถันกันมากขึ้น โดยคำนึงถึงความสดสะอาด เเละที่สำคัญคือคุณประโยชน์ที่จะได้รับจากการรับประทานอาหารนั้นเข้าไป หนึ่งในอาหารที่หลายคนสนใจเมื่อต้องการอาหารเพื่อสุขภาพคือเต้าหู้

      เเน่นอนเป็นที่ทราบกันอยูเเล้วว่าเต้าหู้นั้นทำมาจากถั่วเหลือง เเน่นอนก่อนที่เราจะรู้จักเต้าหู้อันน่ารับประทานนั้นเราก็ต้องมาทำความรู้จักกับ เจ้าถั่วเหลืองกันก่อนดีกว่า

          -ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับถั่งเหลือง
     

  • ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Glycine max (L.) Merr.
  • วงศ์ LEGUMINOSAE
  • ชื่อท้องถิ่่น
  •   ภาคกลาง เรียกว่า ถั่วพระเหลือง ถั่วเเระ ถั่วเเม่ตาย ถั่งเหลือง
  •   ภาคเหนือ เรียกว่า มะถั่วเน่า
  •   จีนเเต้จิ๋ว   เรียกว่า อึ่งตั่วเต่า เฮ็กตั่วเต่า
  •   อังกฤษ     เรียกว่า ซอย บีน
  •   ญี่ปุ่น         เรียกว่า โซยุ


       ลักษณะของถั่วเหลือง
      ถั่วเหลือองเป็นพืืชล้มลุก ลำต้นเป็นสี่เหลี่่ยม มีขนยาวคลุมอยุ่ทุกส่วนของลำต้น ใบติดกับลำต้นเเบบสลับ มีใบย่อย 3 ใบ รูปร่างคล้ายรูปไข่ปลายเเหลม ใบมีขนทั้งด้านบนเเละด้านล่าง ดอกเป็นดอกเล็ก สีขาวอมม่วง ฝักเเบนยาว มี เมล็ด 2-3 เมล็ด
     
      สารอาหารสำคัญในถั่วเหลือง

       ถั่วเหลืองที่นำบริโภคให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ถั่วเหลืองเมล้ดเเก่จัด เนื่องจากในเมล้ดถั่วเหลืองเเก่จัดจะมีสารอาหารต่างประกอบด้วย
  
  • คาร์โบไฮเดรต 35%
  • โปรตีน 50%
  • ไขมัน 20%
      ในไขมันประกอบด้วยกรดไขมันต่างๆเช่น
  • ลิโนเลอิก ( Linoleic) 50%
  • โอเลอิก (Oleic) 30%
  • ลิโนเลนิก (Linolenic) 7%
  • ปาล์มมิติก (Palmitic) กับสเตียริก (Stearic) 14% (คำนวณจากน้ำหนักเเห้ง)        
 นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยเเคลเซียม ฟอสฟอรัส เเละวิตามิน A  B B1 B2 B6 B12 ไนอะซิน วิตามิน C D E  อีกด้วย      


คุณค่าทางโภชนาการของถั่วเหลือง

                               
หากพูดถึงถั่วเหลือง หลายๆคน อาจจะนึกถึง"น้ำมันถั่วเหลือง" ที่นิยมนำมาใช้ในกา่รประกอบอาหาร เนื่องจากน้ำมันจากถั่วเหลืองจะมีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ เเต่เป็นเเหล่งที่ดีของกรดไขมันที่จำเป้นได้เเก่ กรดไลโนเลอิก เเละ กรดไลโนเลนิก

      เหตุผลที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับไขมันสองชนิดนี้ ก็เนื่องจากว่ากรดไขมันเหล่านี้ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร เเละถ้าหากรับประทานอาหารที่ไม่มีกรดไขมันจำเป็นเลย ก็จะทำให้เกิดอาการโรคขาดไขมันจำเป็น ได้เเก่ ผิวหนังเเห้งเเละตกสเก็ดบาอเเผลหายช้า ถ้าเป็นเด็กการเจริญเติบโตจะหยุดชะงัก มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาเเละการฟัง

      ถั่งเหลืองมีโปรตีนสูง จึงเป็นเเหล่งโปรตีนสำหรับบุคคลที่ไม่บริโภคเนื้อสัตว์ โปรตีนในถั่วเหลืองจัดเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสุง มีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับโปรตีนจากสัตว์ ปัจจุบันพบว่าการบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่สูงพอ ร่างกายจะได้รับโปรตีนเพียงพอกับความต้องการได้
      ถั่วเหลืองสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง โดยเฉพาะอาหารสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติเเละอาหารเจ โดยนำถั่วเหลืองมาทำเนื้อเทียม นอกจากนี้้ยังนำเมล็ดไปอบ บดเป็นผง ใช้ชงเป็นเครื่องดื่ม นอกจากนี้ฝักสดยังสามรถนำมาต้มได้อีกด้วย

สรรพคุณยาไทยของถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองนอกจากจะนำมาประกอบอาหารได้ทั้งคาวเเละหวานเเล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาในการรักษาโรคได้อีกด้วย ดังนี้

  • ลดคอเลสเตอรอล ลดระดับน้ำตาลในเลือด เเละเพิ่มฮอร์โมนเเก่สตรีวัยหมดประะจำเดือน โดยการนำถั่วเหลืองมาประกอบอาหารรับประทาน
  • รักษาเเผลที่เกิดจากฝีดาษ โดยการใช้ถั่วเหลืองเผาเเล้วบดเป็นผง ผสมน้ำมันหออมทาบริเวณที่เป็นเเผลมีหนอองเรื้อรัง นำถั่วมาเเช่น้ำให้พอง ใช้ตำพอกบริเวณที่เป็น
  • เลือดออกง่าย ให้ใช้ใบของถั่วเหลือง 1 กำมือ ใส่ในน้ำพอประมาณ ต้มให้น้ำงวดเล็กน้อย
  • งูกัด ให้นำใบสดของต้นถั่วเหลืองมาตำพอก เปลี่ยนยาวันละ 3 ครั้ง หรือใช้ถั่วเหลืองเพาะให้เเตกราก ต้มให้สุกกินจืดๆ วันละ 3 มื้อ กินจนอิ่มติดต่อกัน 3 วัน  เป็น 1 รอบของการรักษา ในระหว่างที่กินไม่ต้องกินอาหารอื่น งดเว้นอาหารที่มีน้ำมันมากด้วยหลังจากนั้นวันที่ 4 ให้กินอาหารเป็นปกติ กินอาหารถั่วเหลืองงอกเป็นอาหารเสริม
  • ระบบย่อยอาหารไม่ดี ให้ใช้ถั่วเหลือง 500 กรัม ฮ้วยติ้ง 5 กก.โดดยใช้ฮ้วยติ็งต้มเอาน้ำ เเล้วใส่ถั่วเหลืองต้มให้เดือดนาน 20 นาทีเอากากออกระเหยน้ำจนเเห้ง บอเป็นผง ทารกให้กินครั้งละ 0.5-1 กรัม วันละ 4 ครั้ง
คำเเนะนำ     ถั่วเหลืองกินมากทำให้อืดเเน่น มีเสมหะ ไอ น้ำหนักเพิ่ม หน้าเหลือง มีเเผล มีหนอง


มารู้จักเต้าหู้ชนิดต่างๆกันดีกว่า

1.เต้าหู้ชนิดเเข็งสีเหลือง


เต้าหู้ชนิดเเข็งสีเหลืองคือเต้าหู้ขาวชนิดเเข็งที่นำไปต้มในน้ำขมิ้นเต้าหู้เหลืองรสชาติจะออกเค็มจึงมักจะนำไปเป็นเครื่องปรุงของผัดไทยหมี่กรอบ หมี่กะทิ ก๋วยเเตี๋ยวหลอด เต้าหู้ผัดขิง โดยคนจีนมักจะชอบนำไปผัดกับถั่วงอกถ้าเป็นเทศกาลเจก็จะนำเต้าหู้ชนิดนี้ไปประกอบอาหารเเทนเนื้อสัตว

                                        
2.เต้าหู้ชนิดเเข็งสีขาว    
                         

จะมีลักษณะคล้ายกับเต้าหู้เเข็งสีเหลืองเเต่จะมีสีขาวนวลออกครีมๆ มักทำออกมาเป็นก้อนสี่เหลี่ยม หนาประมาณ 1 เซนติเมตร โดยมากก่อนนำไปประกอบอาหารอื่นๆ จะนำไปหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ เช่น อาหารจำพวกยำ ลาบ เเกง เเละ ผัด เนื่องจากเต้าหู้เเข็งสีขาวมีรสชาติจืด เหมาะกับการนำไปทำพะโล้ ต้มจืดวุ้นเส้น เป็นต้น


3.เต้าหู้ชนิดออ่นสีเหลือง      

    วิธีการทำต่างจากเต้าหู้ขาวแข็งเพราะใช้แคลเซียมซัลเฟต (ผงยิปซัม หรือที่เรียกในภาษาจีนแต้จิ๋วว่า"เจียะกอ") ในการทำให้โปรตีนในน้ำนมถั่วเหลืองตกตะกอน ซึ่งเนื้อจะเนียนและไม่แข็งเท่าเต้าหู้ขาวแข็ง เมื่อตกตะกอนแล้วนำมาใส่ผ้าขาวบางห่อในบล็อกให้เป็นก้อนแล้วนำไปต้ม ใส่ขมิ้นให้ได้สีเหลือง คุณสมบัติเด่นของเต้าหู้เหลืองนิ่มคือ เมื่อนำไปทอดแล้วจะทำให้ได้เต้าหู้ที่กรอบนอกนุ่มใน เต้าหู้ชนิดนี้เหมาะที่จะนำไปผัดกับกุยช่ายขาว ทอดจิ้มน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน ทอดกินกับน้ำพริกกะปิหรือทอดจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ได้

4.เต้าหู้พวง
เป็นเต้าหู้หั่นเป็นชิ้นแล้วทอด ร้อยเชือกขายเป็นพวงใช้ใส่ในก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟและพะโล้

5.เต้าหู้โมเมน
เป็นการผลิตแบบญี่ปุ่น เต้าหู้ชนิดนี้เนื้อค่อนข้างแข็งแน่น นำไปปรุงเป็นอาหารได้เหมือนเต้าหู้ขาวแข็ง

6.เต้าหู้คินุ
เป็นการผลิตแบบญี่ปุ่นเช่นกัน เนื้อเหมือนเต้าหู้ขาวอ่อนสามารถนำไปประกอบอาหารได้เช่นเดียวกับเต้าหู้ขาวอ่อน

7.เต้าหู้ชนิดซีอิ๊วดำ วิธีทำนำเต้าหู้ชนิดเหลืองแข็งไปเคี่ยวกับซีอิ๊วดำและเครื่องเทศสมุนไพรต่างๆ เพื่อให้เกิดกลิ่นหอมและรสชาติที่แตกต่างโดยใส่น้ำตาลทรายแดงทำให้มีรสชาติที่กลมกล่อมสามารถเก็บไว้ได้นานกว่าเต้าหู้ชนิดอื่นๆ เพราะมีความชื้นน้อย ถ้าเก็บใส่ช่องฟรีซจะเก็บไว้ได้นานหลายเดือน นิยมนำไปยำกับเกี้ยมไฉ่ ผัดกับดอกกุยช่าย ใส่ในอาหารเจแทนเนื้อหมูในพะโล้เจหรือทานเป็นอาหารว่างก็ได้
                   
8.เต้าหู้หลอด
เป็นเต้าหู้เนื้อนิ่มมีสองชนิดคือ ชนิดที่ทำมาจากถั่วเหลืองล้วนและชนิดที่ทำจากไข่ไก่ (เรียกว่าเต้าหู้ไข่ซึ่งไม่มีส่วนผสมของถั่วเหลืองแต่อย่างใด) นิยมนำมาใส่ในแกงจืด สุกียากี้ ทำเต้าหู้อบ เต้าหู้ตุ๋นหรือนำมาคลุกกับแป้งข้าวโพดแล้วทอด

 9.เต้าหู้ชนิดอ่อน
  • เต้าหู้ชนิดเหลืองนิ่ม วิธีการทำต่างจากเต้าหู้ขาวแข็งเพราะใช้แคลเซียมซัลเฟต (ผงยิปซัม หรือที่เรียกในภาษาจีนแต้จิ๋วว่า"เจียะกอ") ในการทำให้โปรตีนในน้ำนมถั่วเหลืองตกตะกอน ซึ่งเนื้อจะเนียนและไม่แข็งเท่าเต้าหู้ขาวแข็ง เมื่อตกตะกอนแล้วนำมาใส่ผ้าขาวบางห่อในบล็อกให้เป็นก้อนแล้วนำไปต้ม ใส่ขมิ้นให้ได้สีเหลือง คุณสมบัติเด่นของเต้าหู้เหลืองนิ่มคือ เมื่อนำไปทอดแล้วจะทำให้ได้เต้าหู้ที่กรอบนอกนุ่มใน เต้าหู้ชนิดนี้เหมาะที่จะนำไปผัดกับกุยช่ายขาว ทอดจิ้มน้ำจิ้มเปรี้ยวหวาน ทอดกินกับน้ำพริกกะปิหรือทอดจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ได้
  • เต้าหู้ชนิดขาวอ่อน ลักษณะอ่อนนุ่มกว่าเต้าหู้เหลืองนิ่ม กรรมวิธีการผลิตเหมือนกับเต้าหู้เหลืองนิ่มจะต่างกันเพียงเวลาในการทำน้อยกว่า เต้าหู้ชนิดนี้นิยมนำไปทำเป็นแกงจืด เต้าหู้นึ่งหรือสเต๊กเต้าหู้
  • เต้าหู้ชนิดห่อผ้า วิธีการทำเหมือนกับเต้าหู้ชนิดขาวอ่อน ต่างกันเพียงการบรรจุหีบห่อที่นำมาห่อผ้าแล้วมัดทำให้แข็งและคงรูปร่างได้ดีมากขึ้นเมื่อนำไปทำอาหาร ส่วนใหญ่จะนำไปทำเต้าหู้ทรงเครื่องหรือแกงจืด
วิธีเลือกซื้อเต้าหู้
  1. ทดสอบว่าเต้าหู้ยี่ห้อนั้นใส่สารกันบูดหรือไม่ โดยการนำมาวางไว้ที่อุณหภูมิห้องหนึ่งวันถ้าเสียแสดงว่าไม่ใส่สารกันบูด
  2. ต้องไม่มีเหงื่อหรือน้ำขุ่นขาวซึมออกมาจากเต้าหู้
  3. เมื่อดมดูแล้วต้องไม่มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นเปรี้ยว
  4. สีใกล้เคียงกันทั้งก้อนไม่คล้ำและไม่มีจุดด่างดำ

หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้เกี่ยวกับเต้าหู้กันพอสมควรเเล้วนะค่ะ เเล้วเจอกันเรื่องหน้าจะเป็นอะไรดีน้าาาาา ขอคิดก่อนนะค่ะ บาย

วันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ทำไมต้องพอเพียง





              ในสภาวการณ์ปัจจุบัน ซึ่งเกิดความถดถอยทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงขึ้นนี้จึงทำให้เกิดความเข้าใจได้ชัดเจนในแนวพระราชดำริของ  "เศรษฐกิจพอเพียง"  ซึ่งได้ทรงคิดและตระหนักมาช้านาน  เพราะหากเราไม่ไปพี่งพา ยึดติดอยู่กับกระแสจากภายนอกมากเกินไป  จนได้ครอบงำความคิดในลักษณะดั้งเดิมแบบไทยๆไปหมด มีแต่ความทะเยอทะยานบนรากฐานที่ไม่มั่นคงเหมือนลักษณะฟองสบู่  วิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้อาจไม่เกิดขึ้น หรือไม่หนักหนาสาหัสจนเกิดความเดือดร้อนกันถ้วนทั่วเช่นนี้   ดังนั้น "เศรษฐกิจพอเพียง"  จึงได้สื่อความหมาย ความสำคัญในฐานะเป็นหลักการสังคมที่พึงยึดถือ

               

                     



               หลายคนชอบถามว่าทำไมต้องพอเพียงซึ่งบางครั้งผู้เขียน ก็นึกอยู่ในใจว่าคำถามนี้เราไม่จำเป็นต้องถามใครเลยในเมื่อในส่วนลึกของทุกคนก็น่าจะทราบกันอยู่เเล้วว่าเหตุใดเราจึงต้องพอเพียง ความพอเพียงคืออะไร หลายคนมักชอบถามคำถามนี้ ความพอเพียงคือการรู้จักพอ พอใจในสิ่งที่ตนเองมี พอใจในสิ่งที่ตนเองสร้าง เเละอยู่ได้ด้วยการสร้างของตนเอง อยู่ด้วยลำเเข้งตนเอง โดยที่ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น เมื่อเกิดปัญหาเกิดขึ้นมา เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีเราก็สามารถที่จะยืนด้วยขาเราโดยที่เราไม่ล้ม เมื่อเกิดปัญหาเราไม่อด เนื่องจากเราช่วยตัวเองได้  หลักการเศรษฐกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงเเท้เเน่นอนหากเรารู้จักพิจารณาชีวตตามหลักความเป็นจริงได้ว่า สิ่งสำคัญที่สุด ความสุขที่เเท้จริงที่สุดที่เราอยากได้คืออะไรเเล้วทุกคนจะเข้าใจ ข้าพเจ้าเชื่อว่าความคิดของหลายๆคนนั้นความสุขที่ต้องการมากที่สุดคือความสงบ มิใช่อย่างอื่น


 

              ถามว่าเงินมีความหมายกับชีวิตของเรามากไหม ทุกคนคงตอบว่ามาก เเต่ก็ไม่ใช่ความต้องการขั้นสูงสุดใช่หรือไม่ ข้าพเจ้าอยากถามทุกคนว่า ณ ตอนนี้ที่เรากำลังทุ่มเเรงไปนั้นก็เพื่อเงิน เเต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งเงินมีค่ามากไม่พอเนื่องจากว่าอาหารเเพงมากเกินไปจนเงินหมดค่าไปจะทำอย่างไร คนที่รู้จักการเตรียมพร้อมเท่านั้นเเหละที่จะอยู่ได้ ข้าพคิดว่านิสัยของคนไทยเเปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เวลามีอะไรเข้ามาใหม่ก็มักจะรีบไขว้คว้า ใช่อยู่ว่าการไขว่คว้าเป็นสิ่งดี เเต่ที่คนไทยขาดคือ การพิจารณาถึงผลเสียที่จะตามมา เช่น ยางราคาเเพง ก็พากันตัดพืชเก่าๆของตนเองทิ้งถางที่ตัดต้นไม้ทิ้ง เคยปลูก ผัก ผลไม้ ก็ตัดทิ้งหมด เพื่อปลูกยางพารา โดยไม่คิดว่า ถ้าหากวันใดวันหนึ่งยางพารา ไร้ค่าขึ้นมา จะเอาอะไรกินกัน การปลูกพืชต้องใช้เวลา หากวันหนึ่งมันไร้ราคา จะกินถั่วงอกกันหรืออย่างไร ที่น่าสงสารเมืองที่เคยเป็น เมืองผลไม้ ที่เคยทำนา พากันปลูกยางกันหมด เเล้วถ้าเกิดปัญหาพากันกินอะไร  ตอนนี้หากเราพิจารณาดีจะเห็นได้ว่ามี ห้างเกิดขึ้นเต็มไปหมด คนเราเลยทิ้งงานสวนไปทำเเต่งานในห้องเเอร์ ถามหน่อยเถอะห้างเอาอะไรมาผลิต เอาอะไรมาขาย ผลิตภัณฑ์การเกษตรทั้งสิ้น เเต่เรายอมสละความสงบเพื่อไปเเสวงหาเเต่เงิน ได้มาเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ เพราะค่าใช้จ่ายก็เยอะ เมื่อก่อนคนไทยเคยอยู่ได้มีเงินไม่มากก็อยู่กันได้เเต่ตอนนี้มันไม่ได้เเล้ว เมืองไทยเป็นเมืองเกษตรกรรม เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ เเต่ตอนนี้ทุกคนกลับละทิ้งการผลิตอาหารกันหมด ต่อไปอาหารคงเเพง เพราะเกษตรกรเราน้อยลง เด็กที่เคยอยู่เเต่ในเมือง หากเมื่อไหร่เกิดปัญหาขึ้นมา พวกเขาจะทนต่อความลำบากได้หรือไม่ก็ไม่รู้ เพราะพวกเขาเคยสบายมาก่อน ข้าพเจ้าคิดถึงธรรมชาติเมื่อก่อน อากาศบริสุทธิ์ ทุกคนต่างต้องการ เเต่คนก็ขาดความสะดวกไม่ได้ ผู้ประกอบการก็มุ่งหวังเเต่ผลกำไร โค่นต้นไม้ทิ้ง เเปลงที่เคยปลูกพืช ตอนนี้เห็นเเต่พื้นซีเมนต์เต็มไปหมด ตึกราบ้านช่องก็งอกขึ้นมาเเทนต้นไม้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะรู้จักพอ หรือจะรอให้มันหมดไปเสียก่อนถึงจะรู้ตัวว่าต้องรู้จักคำว่าพอ

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หลักคิดของพระเจ้าอยู่หัว

หน้าที่ 1 - หลักคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขอขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของนิตยสารครอบครัวพอเพียง และ วิชาการดอทคอม
ที่มา
www.porpeangfamily.com 




                                
           ความสุขนั้นเกิดขึ้นมาจากสิ่งที่พอเพียงเท่านั้น พอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งเรื่อง เศรษฐกิจพอเพียง ตีความกันใหญ่ ไปบรรลุธรรมข้อหนึ่งตอนบวชนี่เอง  คือ วันหนึ่งอยากฉันน้ำชา ก็เอาถ้วยชามาตั้ง กาน้ำร้อน กระติกน้ำร้อน เอาชาใส่ อาจารย์สอนอยู่คำเดียวบอกว่า เวลาบวชนี่ไม่ต้องสอนอะไร ระดับด็อกเตอร์ถือสติไว้เป็นหลักทำอะไรให้มีสติ ๓วนาตลอด ทำอะไรให้ภาวนา ภาวนาคือสตินั่นเอง สติเราก็จับอยู่ถ้วยน้ำชา แล้วเราก็เอาชาใส่ เอาน้ำร้อนเทใส่ กระรอก 2 ตัว กำลังวิ่งไล่ สติละจากน้ำชาที่เติมนั้น ไปจับอยู่ที่กระรอก เพราเป็นคนชอบสัตว์ ก็ดูกระรอกวิ่งไล่กันเพลิน เหลียวกลับไปอีกทีหนึ่งน้ำล้นถ้วยชาล้นถ้วยชาเสร็จ เปื้อนโต๊ะ ไหลลงไปเปื้อนเสื่อที่ข้างล่าง วิ่งไปหยิบสบงซึ่งซักเอาไว้แล้ว มาซับแล้วเอาสบงไปใส่กระป๋องเพื่อจะซักต่ออีก กะว่าจะใส่พรุ่งนี้เช้า เป็นอันว่าชวดแล้วใส่ไม่ได้แล้ว

           เมื่อกี้นี้ถ้าสติจับอยู่ น้ำเต็มแก้วแล้วเราหยุด หมายความว่าเราพอแล้ว เศรษฐกิจพอเพียง  คือเต็มศักยภาพของแก้วแล้วเราหยุดแล้ว พอแล้ว เมื่อกี้เหตุการณ์เกิดขึ้นเพราะทำอะไรเกินพอ  เกินพอเสร็จน้ำชานั้น มันหกล้นลงไป สภาพน้ำชายังคงอยู่ แต่เราจะก้มลง ดูดบนพื้นไหม เสียดาย มันเป็นน้ำชาที่เสียแล้ว ยังไม่พอมันทำให้โต๊ะ ซึ่งเขาไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย ต้องเสียไปด้วยต้องเปื้อนไปด้วย ทำให้เสื่ออยู่ข้างล่างเสียไปด้วย ทำให้สบงที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย ต้องถูกนำมาซับ แล้วต้องซักใหม่ไปเสียด้วย เท่านี้พวกเรา คงจะพอเห็นบ้างแล้วนะครับ ทำอะไรเกินพอนั้น เป็นการเกินตัว และเกินความต้องการที่พระท่านบอก การทำอะไร ตั้งอยู่บนฐาน ความโลภมันทำลายหมดเลย ในตัวของมัน ก็ทำลาย  แล้วยังทำลายสิ่งรอบข้างทั่วไปหมด นั่นคือ วิกฤตเศรษฐกิจของเราที่เกิดขึ้นเมื่อ ๖ ปีที่แล้ว พังทลายหมด มันเหมือนสร้างตึกที่พังถล่มทลายที่โคราชนี่

           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งบอกว่า เรานั่งอยู่ในห้องประชุม ท่านผู้ว่าฯ นั่งอยู่ในห้อง หรือเวลาเรากลับไปบ้าน เราอยู่บนบ้านได้ มันไม่พังทลายเพราะอะไร ท่านรับสั่งถาม ไม่พังทลายเพราะอะไร เพราะเสาหรือเพดานหรือเปล่า หรือพื้น ไม่ใช่ทั้งสิ้น มันอยู่ด้วยสิ่งสิ่งหนึ่ง ซึ่งเราเคยเห็น แต่หลังจากสักพักหนึ่ง เราไม่เห็นอีกแล้ว แล้วเราไม่นึกถึงเขาเลย สิ่งนั้นเราเรียกว่าอะไร เสาเข็ม รากฐาน ตอนปลูกบ้านทุกคนเห็นหมด วางเสาเอก ตึกนี้เริ่มสร้างก็เห็น แต่ละเสา จะต้องถูกคำนวณ อย่างแน่ชัดว่า จะแบกน้ำหนักเท่าไหร่ ใช่ไหมครับ ถ้าใส่เยอะเกินไป เท่ากับปฏิบัติการไม่ฉลาดนัก เพราะเอาเงิน ไปจมอยู่ใต้ดิน เมื่อจะสร้างหอประชุมแค่นี้ ทำไมต้องฝังเยอะแยะ ก็ต้องฝังให้พอเหมาะ ฝังน้อยเกินไป ก็อย่างโรงแรมที่นี่ ที่พังครืนลงมา เห็นไหมครับ ฐานรากจะต้องพอดีกับน้ำหนัก ที่จะแบกรับไว้ นั่นคือความหมายของเศรษฐกิจ ต้องปูรากฐานของชีวิตเสียก่อน และเมื่อฐานรากของชีวิตเกิดขึ้นแล้ว เราก็คอยขยับไปเรื่อยๆ ถ้าจะต่อเติมขึ้นมา ก็ต้องเสริมรากฐาน เป็นระยะๆไป
                                   
           เมื่อเราเกิดความร่ำรวยขึ้นมาโดยไม่มีรากฐานเพราะว่าฐานเงินยืมเขามา ฐานเทคโนโลยีซื้อเขามา ฐานคนเอาคนอื่น เข้ามาบริหาร วันใดวันหนึ่งตอนฟองสบู่แตก เขาเห็นเมืองไทยไม่น่าอยู่แล้ว จุกจิก จู้จี้คอรัปชั่นกินโกงฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำให้การดำเนินงาน ของเขาติดขัดทั้งปวง ต้นทุนเขาสูง ดังนั้นไปประเทศเวียดนามดีกว่า ไปประเทศจีนดีกว่า แล้วเราเหลืออะไร เหลือที่เราเรียกว่าฟองสบู่ ไปเจาะข้างในปรากฏว่า มีแต่อากาศ ไม่มีอะไรสักอย่าง

           จำได้ไหมเมื่อ ๖ ปีที่แล้ว เราพูดว่าไง ดีใจเวลามีรายงานการลงทุนเข้ามาอีกแสนล้านแล้ว มีบริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามาตั้งโรงงาน มหึมาที่โคราช มีโรงงานนั้น โรงงานนี้ตั้งขึ้นมา ดีใจหอโตๆ ตึกใหญ่ๆ สร้างขึ้น สำนักงานใหญ่ๆ ตัวอาคารเยอะแยะ แต่พอฟองสบู่แตก วันนี้เราพูดเรื่องอะไร SME เล็กๆ ทำไมไม่พูดเหมือนตอนแรก มันโตจนกระทั่งแตกแล้ว พอแตกแล้ว ที่นี้ไม่เอาแล้ว เพิ่งรู้ตัว ว่าถนัดของเล็ก แปลกประหลาดไหม เจ็บตัวแล้วถึงฉลาด อย่างภาษาโบราณเขาว่า เห็นโลงแล้ว ยังไม่หลั่งน้ำตา จนกระทั่งโลงแตกแล้ว ไม่มีน้ำตาจะหลั่ง ตอนนี้เหือดแห้ง
                                
           สิ่งที่ผมพูดคือสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาให้เห็นเป็นบทเรียน พอ SME เสร็จแล้ว นึกถึกอะไร นึกถึงเกษตร ที่เททิ้งไป เริ่มกลับมาแล้ว ข้าว เราอยู่ได้เพราะข้าว ตอนนี้อยากจะเขกบาลนัก ตอนแรกไม่เคยคิดเลย กินเอากินเอา กินทิ้งกินขว้างด้วย พวกผู้ใหญ่ ในบ้าน ในเมืองจับดำนาให้หมด เกี่ยวข้าวให้หมด จะได้รู้ว่าแต่ละเม็ดที่อยู่ในจานนั้น มันเหนื่อยยากแค่ไหน ผมพูดเป็นประจำเลย โดนดำนาโดนไถนาเกี่ยวข้าวเป็นประจำอยู่แล้ว คงเห็นภาพปรากฏอยู่เรื่อยๆ ผมเป็นคนจังหวัดเพชรบุรี บ้านผมทำนาอยู่แล้ว โธ่ กว่าจะได้มาสักกำมือนี่นะ เหงื่อกาฬมันไหล เกี่ยวไม่เป็นเสียอีก เอ ทำไมคนอื่นเกี่ยวฉับๆ ชาวบ้านเขาไปยืนดูเราเกี่ยว หัวเราะกัน เราก็นึกเขาคงเชียร์เรา เกี่ยวใหญ่ เหงื่อกาฬโชกเลย พอเกี่ยวกันหมด เขาบอกอาจารย์ ทีหลังไม่ต้องเกี่ยวถึงโคนอย่างนั้นมันตัดยาก เกี่ยวแค่ครึ่งต้นก็พอ นี่เล่นโคนเลย โคนมันก็หนา นี่คือตัวอย่าง ของความเซ่อ แทนที่จะบอกเรา เสียทันที รอให้เกี่ยวเสร็จถึงบอก ถือเป็นบทเรียน รวบข้างบนง่ายกว่าตั้งเยอะ เพราะต้นมันนิ่มอยู่ นี่ทะลึ่งไปเกี่ยวตรงโคน ตอนนี้พอหันกลับมาเรื่องเกษตร แต่มันค่อนข้าง จะสายไปหรือเปล่า